|
|
|
ภาวะโปรแลคตินสูงผิดปกติทำให้ไข่ไม่ตก(Hyper
prolactinemia)
โดย นพ.ธีรศักดิ์ ธำรงธีระกุล
และทีมแพทย์ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากและผ่าตัดผ่านกล้องทางนรีเวช
ปกติ
หญิงวัยเจริญพันธุ์ปกติโดยทั่วไป โดยจะมีการตกไข่จากรังไข่ทุกเดือน
ขบวนการกระตุ้นการตกไข่โดยธรรมชาติ เริ่มจากฮอร์โมนของสมองส่วนล่าง (Hypothalamus)
ถูกหลั่งมากระตุ้นต่อมใต้สมองส่วนหน้าให้ผลิตฮอร์โมนที่มีความสำคัญต่อการกระตุ้นรังไข่
2 ชนิด คือ FSH (Follicular Stimulating Hormone)
และ LH (Lateinizing Hormone) FSH และ
LH จะกระตุ้นรังไข่
ทำให้ไข่และถุงไข่เจริญเติบโตพร้อมกับมีการสร้างฮอร์โมนเพศเอสโตรเจน (Estrogen)
เพิ่มขึ้นและ ตกไข่
ในที่สุด
หลังการตกไข่ ถุงไข่เปลี่ยนสภาพเป็นคอร์ปัสลูเตียม (Corpus
luteum) และผลิตฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone)
มาทำให้เยื่อบุมดลูกมีความสมบูรณ์เหมาะกับการฝังตัวและเจริญเติบโตของตัวอ่อนในกรณีที่มีการปฏิสนธิและการตั้งครรภ์
ถ้าไม่มีการปฏิสนธิคอร์ปัสลูเตียมจะมีอายุการทำงานประมาณ 2
สัปดาห์ก็ฝ่อลง เยื่อบุมดลูกก็จะสลายตัว หลุดลอกออกมาพร้อมเลือด เป็น เลือดประจำเดือน
โปรแลคติน
(Prolactin)
เป็นฮอร์โมนผลิตออกมาจากสมองส่วนหน้าเช่นเดียวกับ FSH
และ LH
มีหน้าที่กระตุ้นต่อมน้ำนมให้สร้างน้ำนมเพื่อเลี้ยงทารก
ระดับโปรแลคตินจะสูงในสตรีขณะตั้งครรภ์และขณะให้นมบุตรมันมีอำนาจยับยั้งการหลั่งของ
FSH และ LH เมื่อ FSH
และ LH ลดลง
การกระตุ้นการทำงานของรังไข่ก็ลดลง ทำให้การผลิตฮอร์โมนจากรังไข่ลดลง และไม่ตกไข่
ภาวะโปรแลคตินสูงในสตรีที่ไม่ตั้งครรภ์ และไม่ได้ให้นมบุตร
จะมีผลกระทบต่อการทำงานของรังไข่ด้วย
มีความรุนแรงต่างกันแล้วแต่ระดับของฮอร์โมนที่ผิดปกติและปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายตั้งแต่มีการตกไข่ปกติ,
มีการตกไข่แต่ระดับโปรเจสเตอโรนต่ำ,
การตกไข่ไม่สม่ำเสมอ หรือไม่ตกไข่เลย
ทำให้บางครั้งประจำเดือนไม่สม่ำเสมอหรือขาดประจำเดือน
สาเหตุ
สาเหตุของภาวะโปรแลคตินสูงผิดปกติมีหลายอย่าง
อาจเกิดจากการทำงานผิดปกติของสมองส่วนล่างหรือเนื้องอกของต่อมใต้สมองเอง
โรคของต่อมธัยรอยด์ หรือความเครียดของประสาท,
การถูกกระตุ้นบริเวณเต้านมหรือหัวนม,
การถูกรบกวนหรือเส้นประสาทบริเวณทรวงอก
การรับประทานยาบางอย่างโดยเฉพาะยาระงับประสาทและยาฮอร์โมน ยาคุมกำเนิด
ยารักษาความดันโลหิตสูง หรือ ยารักษาโรคกระเพาะอาหารบางอย่าง
อาการ
อาการของภาวะโปรแลคตินสูงผิดปกติ
ก็มักเป็นอาการของการทำงานของรังไข่ผิดปกติ เช่น มีบุตรยาก,
แท้งบ่อย, ประจำเดือนมาผิดปกติ,
ไม่สม่ำเสมอหรือขาดประจำเดือนอาจมีอาการปากช่องคลอดและช่องคลอดแห้งบาง,
เจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์,
ความรู้สึกทางเพศลดลง กระดูกพรุน ถ้ามีเนื้องอกของต่อมใต้สมองก็อาจมีอาการปวดศีรษะ
ลานสายตาหรือการมองเห็นภาพผิดปกติ บางรายก็พบว่ามีน้ำนมไหล
ทั้งที่ไม่ได้ตั้งครรภ์หรือไม่ได้มีลูกอ่อนที่กำลังให้นมแม่
ในผู้ชายอาจมีภาวะโปรแลคตินสูงด้วยเหมือนกันทำให้มีปัญหาเชื้ออสุจิผิดปกติ
และความรู้สึกทางเพศลดลงได้
การรักษา
ภาวะโปรแลคตินสูงผิดปกติที่ทราบสาเหตุ เช่น ความเครียด
หรือได้ยาระงับประสาท ฯลฯ จะกลับเป็นปกติได้ถ้าขจัดสาเหตุ
พวกที่ไม่ทราบสาเหตุหรือมีเนื้องอกต่อมใต้สมองขนาดเล็กไม่เกิน 1
ซ.ม. สามารถรักษาได้ด้วยยาลดการหลั่งโปรแลคติน (bromocriptine)
แพทย์จะให้ผู้ป่วยรับประทานยาในขนาดที่พอเหมาะโดยมีการตรวจหาระดับโปรแลคตินในเลือดเป็นระยะ
ๆ จนกว่าผู้ป่วยจะตั้งครรภ์ หรือให้เป็นระยะเวลายาวนาน
ยังไม่มีใครบอกได้ว่าจะต้องให้ยานานเท่าไร
เพราะเรารู้จักและรักษาภาวะผิดปกตินี้ได้ยังไม่นานพอ
และไม่พบว่ายานี้มีอันตรายต่อทารกในครรภ์
แต่แพทย์บางคนอาจจะแนะนำให้ผู้ป่วยหยุดยาเมื่อทราบว่าตั้งครรภ์
ในคนที่มีเนื้องอกของต่อมใต้สมอง
เมื่อได้ยาเนื้องอกลดขนาดลงได้แต่อาจโตขึ้นมาอีกเมื่องดยา
ผลข้างเคียงของยาคือคลื่นไส้อาเจียนเวียนศีรษะปวดศีรษะ หน้ามืดเมื่อลุกขึ้นเร็วๆ
ผู้ป่วยมักทนยาไม่ค่อยได้
แพทย์จะเริ่มให้ยาคราวละขนาดน้อยๆก่อนแล้วค่อยๆเพิ่มขนาดเมื่อคนไข้คุ้นกับยา
มีข้อบ่งชี้ในการผ่าตัดเฉพาะในรายที่เนื้องอกต่อมใต้สมองโตกว่า
1 ซ.ม. หรือโตจนไปกดเส้นประสาทตาหรือสมองส่วนอื่น
หรือมีขนาดของเนื้องอกโตขึ้นขณะให้การรักษาด้วยยา
|
|
|